Vic3Bet เว็บคาสิโนออนไลน์อันดับ 1

ดูหนังออนไลน์ฟรี หนัง Khun-Pan 3 หรือชื่อไทยว่า ขุนพันธ์ 3 สหมงคลฟิล์มฯ ออกประกาศหมายจับตายของสองเสือแห่งภาคกลาง เสือมเหศวร และ เสือดำ ที่เป็นคาแรกเตอร์เด่นในขุนพันธ์ภาค3นี้ โดย “เสือมเหศวร” จอมโจรร้อยหน้า รับบทโดยนักแสดงมากความสามารถ มาริโอ้ เมาเร่อ และ “เสือดำ” สุภาพบุรุษจอมโจร รับบทโดยหนุ่มมาดเท่ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เป็นการตอกย้ำถึงความเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ได้สองนักแสดงมากฝีมือมารับบทสองโจร ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังระส่ำระสายจากเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และครั้งนี้ก็ยังคงเป็นภารกิจสุดมันส์ของ “ขุนพันธ์” ที่รับบทโดย อนันดา เอเวอริงแฮม ต้องกลับมาล่าหัว “มหาโจร” อีกครั้ง โดยมีบ้านเมืองเป็นเดิมพัน ภารกิจสุดขลังของมือปราบคงกระพันจะทวีความมันส์ขึ้นจากภาคก่อนขนาดไหน ผู้ชมชาวไทยรอติดตาม พร้อมกัน 2 มีนาคม 2566 ในโรงภาพยนตร์

ในยุคที่คนดูพากันด่าหนังไทยก่อนที่จะได้เริ่มดู มีปัญหานู่นนี่นั่นเรื่องรอบฉาย ขุนพันธ์ 3 คือหนึ่งในหนังที่เชื่อว่าใครหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอมาดู และเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการหนังไทยเลยก็ว่าได้ หลังจากได้เปิดจักรวาลไว้ตั้งแต่ภาคแรกในปี 2559 และภาคสองในปี 2561 เป็นหนังที่มีความทะเยอทะยาน มีความตั้งใจ และมีพลังในการสร้างโลกแฟนตาซี อิงประวัติศาสตร์ ที่เรียกได้ว่าเป็นหนังฮีโร่ได้อย่างเต็มปากเลย จนมันคลอดออกมาเป็นหนังปิดไตรภาคที่น่าชื่นชมสุด ๆ

ขุนพันธ์ 3 คือหนังภาคต่อที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงที่ขุนพันธ์โดนเรียกตัวกลับมาปฏิบัติภารกิจ ต้องมาเผชิญหน้ากับเสือมเหศวรและเสือดำ แต่ท่านขุนอาคมเริ่มเสื่อม ความคงกระพันไม่ได้อยู่ถาวร จากผู้ล่าเขากำลังจะกลายเป็นผู้ถูกล่า

ถึงแม้หนังจะมีความยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่น่าเบื่อเลย หนังเล่าเรื่องรวดเร็ว ดูหนังออนไลน์ฟรี

จังหวะหนังก็สนุก ต้องบอกว่านี่คือภาคปิดไตรภาคที่ใส่สุดจริง ๆ คือรับรู้ได้ถึงพลัง ความกล้า ความบ้าของผู้ทำเลย คือรังสรรค์ความแฟนตาซีโลกของขุนพันธ์ออกมาในรูปแบบหนังฮีโร่ พลังแบบอาคมไทย ๆ ที่ในภาคนี้เนื้อเรื่อง ภาพ วิธีการเล่ามีความเป็นหนังแบบพวกแก๊งสเตอร์อยู่ไม่น้อยเลย หนังจัดหนักจัดเต็มมาก โดยเฉพาะช่วงท้ายซีนแอ็คชันที่ยาวนาน และมันส์ เพลิน สนุกจริง ๆ คือมันมีทุกอย่างที่ควรจะมี รู้ว่าคนดูอยากได้อะไรก็เสิร์ฟให้ จับแนวทางตัวเองได้แล้วว่าควรจะออกมาทางไหน ผลคือมันเรียกเสียงเฮ เสียงปรบมือได้ทั้งโรง ราวกับ Avengers: Endgame ยังไงยังงั้น เต็มอิ่มแน่นอน มันจะมีหนังไทยสักกี่เรื่องที่สร้างปรากฏการณ์และทำแบบนี้ได้ ดูหนังออนไลน์ฟรีหนังใหม่

หนังขุนพันธ์นี่มาพร้อมกับความเท่เสมอ ตั้งแต่ในภาคแรกละมันจะมีซีนเท่ ๆ ให้จำเสมอทุกภาค และในภาคนี้ก็มีซีนเท่ ๆ เต็มไปหมดเช่นกัน ทั้งซีนตัวขุนพันธ์เอง หรือแม้กระทั่งซีนของเหล่าเสือ คือมันจะมีจังหวะแบบ “เหยดดดด” แบบหลุดปากออกมา รวมถึงมีซีนปล่อยของเปิดตัวได้เท่กันทุกคนเลย คือมีซีนเด็ดของตัวเองให้จำกันทุกตัวละครหลักในหนังเลย ดูหนังออนไลน์ฟรีหนังใหม่

นอกเหนือจากความมันส์กับความเท่แล้ว ตัวบทยังมีการสอดแทรกประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับความยุติธรรม กฏหมาย การเมือง คอรัปชั่น ที่เหตุการณ์ในเรื่องเกิดในยุคอดีต แต่ทำไม๊ทำไมดูแล้วรู้สึกเหมือนแอบแซะ แอบกัด แอบจิกปัจจุบันยังไงชอบกล

ทางด้านงาน CG ถือว่าทำได้ดีเลยนะ หลายฉากนี่น่าชื่นชม ยังกะพวกหนัง Hollywood คือมันจะมีบางฉากเท่านั้นแหละที่ลอย ๆ เห็นได้ชัด ๆ ก็อย่างพวกซีนจระเข้ หรือพวกซีนอภินิหารกระสุนต่าง ๆ เท่านั้นแหละ

ทางด้านนักแสดงก็ทำกันได้ดี คือเราติดภาพอนันดาในบทขุนพันธ์ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ดูหนังออนไลน์ฟรี

และเขาก็ทำได้ดีมาโดยตลอด คือตั้งแต่ภาคแรกอาจจะมีคิดว่า ขุนพันธ์ เป็นคนไทยขนาดนั้น ทำไมเป็นนักแสดงลูกครึ่งอย่างอนันดามารับบทนะ แต่พอได้ดูเราก็ไม่ติดอะไรเลย ยิ่งภาคนี้เป็นการการันตีว่าเขาเหมาะสมกับบทบาทนี้จริง ๆ ไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว พร้อมด้วยการก้าวเข้ามาจักรวาลขุนพันธ์ของสามนักแสดงใหม่อย่างคนแรก มาริโอ้ เมาเร่อ ในบทเสือมเหศวร ก็ไม่ได้รู้สึกขัดข้องกับบทบาทที่ได้รับแต่อย่างใด แล้วก็รับผิดชอบบทที่ตัวเองได้รับเป็นอย่างดี คือมันมีทั้งความเท่ และก็ไม่ได้ติดตลกด้วย ส่วนอีกคนคือ โตโน่ ภาคิน ที่มาในบทของเสือดำ ที่เคร่งขรึม ดุ ดิบ เถื่อน ก็สมคาแรคเตอร์ดี คือเอาจริง ๆ แอบสงสารเจ้าตัวนะ ที่แบบเป็นมีมภายนอกการแสดง จนทำให้แทบจะทุกฉากที่เขาปรากฏตัวในจอ คนดูก็จะหลุดขำออกมา คือเรามองว่าโตโน่เล่นได้สมบทบาทแล้ว และไม่เห็นมีตรงไหนที่น่าจะขำเลย แต่คนก็ติดภาพนั้นกันไปแล้ว เช่นเดียวกันกับที่เห็น เป้ อารักษ์ ในบทเสือใบครั้งแรก ในช่วงท้ายเครดิตของภาค 1 ก็รู้สึกว่าตลกและแอบสงสัยว่าจะเหมาะกับบทหรอ แต่พอได้เห็นการแสดงของเขาในภาคสองก็ไม่ขัดข้องใด ๆ เลย และคิดว่าเหมาะสมกับบทแล้ว รวมถึงเอม ภูมิภัทร ในบท ร้อยเอกทัตเทพ ที่เราเชื่อในฝีมือการแสดงของเอมอยู่แล้ว และการที่เขามารับบทนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริง ๆ ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ ในภาคนี้ก็ทำได้ดีไม่ได้มีตัวละครไหนรู้สึกขัดใจแต่อย่างใด

รีวิวหนัง “Transformers: Rise of the Beasts” โอเค..อัปเกรดฉบับนี้ก็ดีขึ้นอยู่นะ

ดูเหมือนว่าเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้จะยังไม่ยอมตายและจบลงไปง่าย ๆ แม้ว่าที่ผ่านมามันจะค่อนข้างทิ้งเอาไว้ด้วยเส้นทางที่เละเทะน่าดูไม่น้อย แต่การกลับมาครั้งนี้จะเป็นความหวังครั้งใหม่ได้หรือไม่ เพราะนี่คือ “Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร” ที่ยังจัดได้ว่าเป็นหนังฉบับรีบูตและเป็นภาคต่อจากหนังเรื่องที่แล้ว ยังคงเป็นภาคย้อนเวลากลับไปอยู่ แม้ว่าจะค่อนข้างเข็ดหลาบ…แต่กลับมาอีกยังไหวอยู่อีกหรือ?

Transformers: Rise of the Beasts ในเวอร์ชั่นเป็นการเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1994

กับการผจญภัยและต่อสู้ครั้งสำคัญของเหล่าสมาชิกจักรกล ออโตบอตส์ ที่พวกเขาต้องหาหนทางในการกลับดวงดาวของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้ต้องมาจับมือผนึกกำลังกับเหล่าจักรกลเผ่าใหม่ที่ชื่อว่า แม็กซิมอลส์ บนโลกมนุษย์ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่ยังถูกพวกดิเซปติคอนส์พยายามรุกราน หาวิธีกลืนกินดวงต่าง ๆ ไปทั่วกาแลกซี

คงต้องสารภาพตามตรงกับคุณผู้อ่านทุกคนเลยว่า สำหรับหนังชุด Transformers นั้น ทางเราออกอาการเทไปและเลิกดูไปสักพักใหญ่ ๆ น่าจะนับตั้งแต่ภาคที่ 2 เลยด้วยซ้ำ (ซึ่งจำได้ลาง ๆ ว่าทนดูได้ไม่จบ) แม้ว่าหลังจากนั้นมันจะยังคงถูกสร้างออกมาเป็นภาคที่ 3-4-5 ตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้ติดตามหรือสนใจเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ต่อ จะมีก็แค่กลับมาดู “Bumblebee” เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะเห็นว่าเป็นภาคต้นและมีความเป็นภาคแยก

และเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเปิดใจดูต่อในภาคนี้ คงจะต้องใช้ว่า…เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน เพราะ Transformers: Rise of the Beasts กลายเป็นฉบับปรับปรุงใหม่ที่ถือว่าหลาย ๆ อย่างลงร่องลงรอยยิ่งขึ้น เทียบเคียงได้กับเสน่ห์ที่เคยสัมผัสได้ตั้งแต่หนังภาคแรกที่สร้างประสบการณ์ดูหนังที่ตื่นตาตื่นใจได้เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ถือว่าองค์ประกอบอะไรบางอย่างของหนังชุดนี้ได้ถูกจัดระเบียบขึ้นให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น

“Transformers: Rise of the Beasts” มีฉากเครดิตท้ายเรื่องหรือไม่? เฉลยที่นี่

คือจะว่าไป Transformers: Rise of the Beasts ก็แทบจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะพล็อตหนังกับโครงเรื่อง ที่ก็ยังคงวน ๆ ซ้ำเดิมอยู่กับภารกิจตามหาอะไรสักอย่างอยู่เหมือนเคย มันยังใช้ความเป็นสูตรสำเร็จเข้ามาปรุงแต่งและดำเนินเรื่องไปอย่างจำเจ แต่จุดที่แตกต่างไปจากเดิมของหนังชุดนี้ ก็คงจะเป็นการใส่ความมนุษย์เข้ามาเพิ่มขึ้นในหนัง ทำให้เติมแต่งชีวิตจิตใจให้กับตัวหนังได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้รู้สึกแข็งทื่อแบบจักรกลล้วน ๆ แบบฉบับ “ไมเคิล เบย์” สร้างเอาไว้หลายต่อหลายภาค

ภาคนี้ใช้ทีมเขียนบทหนังค่อนข้างอัดแน่นทีเดียว ทั้งนักเขียนหน้าใหม่และยอดฝีมือมาช่วยกัน โดยได้คู่หูนักเขียนบทจากหนังดัง อย่าง Red ทั้งสองภาค และได้ “โจบี้ ฮาโรลด์” จากหนัง John Wick: Chapter 3 มาช่วยตบ ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้กลายออกมาเป็นบทสูตรสำเร็จแบบหนังซัมเมอร์ฮอลลิวูด แต่ยังแฝงไปได้กิมมิกที่มีหัวใจและความพยายามสร้างโมเมนต์โอคอนิกต่าง ๆ ที่พอจะเซอร์วิสแฟนหนังได้ในระดับที่ดี

ภาคนี้เปลี่ยนตัวมาลองใช้ผู้กำกับดาวรุ่ง “สตีเว่น คาเปิล จูเนียร์” ที่เคยวาดลวดลายค่อนข้างดีเลิศใน Creed II มาก่อน ต้องถือว่าเขาเข้ามาช่วยละเลงหนังเรื่องนี้ให้ได้ออกมาในระดับที่น่าพอใจ อาจจะไม่ได้เน้นการระเบิดภูเขาเผากระท่อม แบบที่คนก่อนเคยปูทางเอาไว้ แต่จังหวะงานแอคชั่นของเขาก็ถือว่ากำลังอร่อยใช้ได้ไม่เบา แล้วยังหัดใส่ท่วงทำนองดราม่าเบา ๆ เข้ามาเสริมเป็นไซต์สตอรี่อยู่ตลอด ทำให้รสชาติของหนังที่เต็มไปด้วยจักรกลทื่อ ๆ ดูละมุนยิ่งขึ้นแบบสัมผัสได้

หนัง Alice Darling หรือชื่อไทยว่า หลงผัวร้าย ลืมเพื่อนรัก บางครั้งสิ่งที่ร้ายที่สุด อาจอยู่ใกล้กว่าที่เราคิด Alice Darling ภาพยนตร์ระทึกขวัญ สู่บทบาทการแสดงที่ดีที่สุด ของ แอนนา เคนดริก ‘อลิซ’ หญิงสาวผู้ถูกแฟนหนุ่ม ‘ไซมอน’ นอกใจ จนเธอต้องแอบไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนสาวคนสนิททั้ง 2 คน จนเหตุการณ์เริ่มบานปลาย และเพื่อนของเธอเริ่มสงสัยว่า ไซมอน มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ซึ่งอันตรายเกินกว่าที่พวกเธอคิด

Alice, Darling – หลงผัวร้าย ลืมเพื่อนรัก หนังนำแสดงโดย Anna Kendrick บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Alice ที่ติดอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Toxic กับแฟนหนุ่ม เรื่องราวมันเริ่มบานปลายเมื่อเธอต้องโกหกเขาเพื่อไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนรักของเธอ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอน อีกทั้งเธอยังต้องเผชิญกับเรื่องราวการหายตัวไปของหญิงสาวในระแวกที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อนด้วย vic3bet

มันอาจจะผิดที่เราคาดหวังกับหนังเรื่องนี้ไปเอง ว่ามันจะเป็นเหมือน Gone Girl (2014) หรือ A Simple Favor (2018) เพราะจากตัวอย่างเรื่องนี้ก็แทบจะไม่ได้บอกอะไรเรานอกจากเรื่องย่อที่เรากล่าวไปนั่นแหละ หลัก ๆ มันคือการกล่าวถึงความสัมพันธ์แบบ Toxic ของคู่รัก แค่นั้นเลยจริง ๆ…

ตัวหนังไม่สนุกเลย หาวแล้วหาวอีกด้วยซ้ำ เราจะได้โฟกัสที่ตัวละครนางเอกอย่าง Alice โดยตั้งแต่ต้นเรื่องหนังจะพยายามบิ้วเราด้วยดนตรีประกอบชวนไม่น่าไว้วางใจ พร้อมกับการกระทำที่ดูแล้วไม่ปกติของนางเอกเช่นการม้วนผม สีหน้าวิตกกังวล เป็นต้น คือเราดูพฤติกรรม ภาพรวมต่าง ๆ ก็รู้ว่านางเอกมันตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Toxic ที่โดนผัวล้างสมอง ชี้ไม้เป็นนก ปั่นหัว บลา ๆ

แต่มันแค่นั้นเลย หนังไม่ได้ขยายความเรื่องราวความสัมพันธ์นี้มากไปกว่าการให้เราดูอารมณ์และความรู้สึกนางเอก คือมันรับรู้ว่านางเอกรู้สึกยังไง แต่หนังมันไม่มีจุดไหนที่ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจ มันไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะให้เห็นว่าทำไมนางเอกต้องทน หรือยึดติดกับผู้ชายคนนี้ขนาดนี้ หนังมันทำจุดนี้ไม่ได้เลย รวมถึงประเด็นความบาดหมางกับเพื่อนก็ไม่ชัดเจนอีกต่างหาก