king naresuan 5 full movie ภายหลังจากปลดปล่อยให้รอมาแสนนาน หนัง “ตำนานสมเด็จพระกษัตริย์มหาราช 5: ยุทธหัตถี” ก็จะเข้าฉายโรงท้ายที่สุดวันที่ 29 พ.ค.นี้ขอรับ รวมทั้งแบบอย่างหนังแรกก็เผยโฉมออกมาแล้ว หนังจะเป็นผลสรุปของห้าภาคหัวข้อนี้ ที่ปฏิบัติงานสร้างมาอย่างนาน แล้วก็ตั้งแต่แมื่อภาคแรก “องค์รับรองหงสา” ที่ออกฉายในม.ค.ปี 2550 ก็รวมแล้วรับประทานช่วงเวลาฉายของทั้งยัง 5 ภาค ราว 7 ปีเศษๆนะครับ
เรื่องราวในภาคนี้ เรื่องราวสำคัญดำรงอยู่ที่การศึกยุทธหัตถีอันเลื่องลือตามชื่อที่ผู้ชมจะได้มองเห็นพระความรอบรู้สามารถสำหรับในการกรำศึก สร้างสรรค์กลอุบายสำหรับการรบ ความชำนาญการคิดอ่านในมายากลเกมกำหนดแผนการรบ รวมถึงความเป็นอัจฉริยะ รวมทั้งความมั่นใจในฐานะกษัตริย์ของสมเด็จพระพระราชามหาราช (พ.ท. วันชนะ สวัสดี)
แม้กระนั้นผู้ชมจะได้รับรู้ชะตาชีวิตของนักแสดงอื่นเช่นเดียวกัน king naresuan 5 full movie ไม่ว่าจะโศกการละครอันน่าหดหู่ที่เกิดสังกัดสมเด็จพระสุวรรณกัลยาณี (เกรซ มหาดำรงค์กุล), เคราะห์กรรมของบุญทิ้ง หรือ พระราชมนู (ปีเตอร์ นพชัย) ข้างหลังกลายเป็นนักโทษในศึกนันทบุเรง และก็ไอ้ขาม (ศุภแขนณ์ ธุระทอง) ชายบ้าใบ้ที่ได้เข้ามารับใช้มอบให้งานเป็นคชบาลร่วมกรำศึกที่ความเป็นมาศาสตร
ตำนานสมเด็จพระกษัตริย์มหาราช 5: ยุทธหัตถี นับว่าเป็นหนังไทยในระบบสตูดิโอที่ถ่ายทำ และก็บันทึกภาพด้วยฟิล์มถ่ายรูปภาพยนตร์เรื่องในที่สุดของประเทศไทยขอรับ ปฏิบัติการสร้างโดยพร้อมมิตรโปรดักชั่น รวมทั้ง สหมงคลฟิล์ม ระหว่างชาติ ดูแลโดยมจังหวัดชาตรีเฉลิม ยุคล และก็ในส่วนของดารายังมีจักรกฤษณ์ อำมะรัตน์, นภัสแขน มิตรเอม, สรดงษ์ ชาตรี, ฉัตรชัย เปล่งแสงพานิช และก็ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญรุ่งเรือง ร่วมแสดง คลิกดูตัวอย่างภายใน
king naresuan 5 full movie (2014)
ตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ยุทธหัตถี
ในปี พุทธศักราช 2129 พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง ทรงแค้นเคืองที่จำต้องปราชัยต่อ สมเด็จพระพระราชาฯ อย่างสั้นๆยยับ อีกทั้งจะต้องเสียไพร่พลและก็พระสิริโฉม ก็เลยระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระทองกัลยา เมื่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชพ่อรู้ความก็ให้เสียใจด้วยสำนึกว่าเคราะห์กรรมของพระราชธิดารวมทั้งแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำเท้ายีก็ด้วยเนื่องจากท่านทรงไม่ซื่อตรงไปเข้าข้างศัตรู
จนถึงระทมใจเสด็จสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระกษัตริย์ฯ ทรงมีพระชนมายุ 31 ปี ก็เลยเสด็จขึ้นเสวยราชย์ครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชพ่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา หรือ (สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 1)ข่าวสารการเปลี่ยนพระเจ้าแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยาทราบไปถึง พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง ที่กรุงหงสาวดี พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง ลูกชายในพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วม สำคัญว่าอาณาจักรไทย หรืออาณาจักรอยุธยาจะไม่เป็นปกตำหนิสุขเป็นช่องเชิญชวนชิงเชิง
ก็เลยโปรดให้พระราชลูก พระมังสามเกียด หรือ(พระมังกะยอขวาที่ 1) พระมหาอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑากองทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ นำกองทัพทหาร 240,000 นาย (สองแสนสี่หมื่นนาย) มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในคราวนี้ สมเด็จพระกษัตริย์ ทรงทราบดีว่า เมียนมาร์ยกพลใหญ่มาตี ก็เลยทรงจัดแจงไพร่พล มีกำลัง 100,000 นาย (หนึ่งแสนนาย) เดินทางออกจากบ้านป่าโมก
จังหวัดอ่างทองไปจังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านน้ำตรงท่าท้าวอู่ทองคำ จังหวัดลพบุรี แล้วก็เข้าค่ายหลวงรอบๆหนองสาหร่ายโดย สมเด็จพระพระราชา โปรดให้ พระราชมนู แม้กระนั้นงพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปทดลองกำลังศัตรูถึงหนองสาหร่าย ทัพหน้า พระราชมนู ปะทะกับกองทัพประเทศพม่าถึงขั้นรบ แต่ว่ากำลังข้าง พระราชมนู น้อยกว่าก็เลยแตกปราชัยถอยลงมาเป็นระส่ำระสาย สมเด็จพระพระราชาฯ
รู้ความก็เลยวางแผนให้กองทัพศัตรูไล่กระเจิดกระเจิงลงมาจนกระทั่งเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอกองทัพศัตรู ตอนนั้นพระช้างทรงของสมเด็จพระกษัตริย์ฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และก็พระไอยราทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถยนต์เป็นเจ้าพระยาปราบไตรจักรต่างตกมัน วิ่งเตลิดเปิดเปิงหามพลฝ่าเข้าไปในกองทัพประเทศพม่ามอญกึ่งกลางวงล้อมศัตรู
รวมทั้งหยุดอยู่หน้าช้าง พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชา ท่านทรงดูมองเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระช้างอยู่ในร่มไม้กับเหล่าพระยานายทัพ ก็เลยรู้ได้ว่าพระไอยราทรงของสองท่านหลงถลำเข้ามาถึงกึ่งกลางกองทัพศัตรู แล้วก็ตกอยู่ในวงล้อมศัตรูแล้ว แม้กระนั้นด้วยพระเชาวน์ปัญญาความเฉลียวฉลาดของสมเด็จพระกษัตริย์ ทรงมีความเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบศัตรูก็เลยไสช้างเข้าไปใกล้
แล้วบอกถามด้วยรู้จักดีมาก่อนแต่ว่าวัยเด็กว่า “พระผู้เป็นเจ้าพี่พวกเราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญชวนออกมาทำยุทธหัตถีร่วมกัน ให้สมพระเกียรติขั้นเอาไว้ในแผ่นดินเหอะ ภายภาคหน้าไปไม่มีพระราชาที่กำลังจะได้ยุทธหัตถีแล้ว”พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาได้ยินด้วยเหตุนี้ ก็เลยไสพระช้างนามว่า พลายพัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระพระราชาด้วยพระแสงสว่างของ้าว
แม้กระนั้น สมเด็จพระกษัตริย์ ทรงเบี่ยงหลบทัน ก็เลยฟันถูกพระมาลาหนังขาด แล้ว เจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จพระพระราชา ทรงฟันด้วยพระแสงสว่างของ้าวถูก พระมังสามเกียด พระมหาอุปราชา เข้าที่เข้าทางอังสะขวา ตายอยู่บนคอช้าง ส่วน สมเด็จพระเอกาทศรถยนต์ ทรงฟันเจ้าผู้ครองเมืองจาปะโรเสียชีวิตเหมือนกัน เมียนมาร์ก็เลยยกกองทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้าชูมากมายล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกนาน
รีวิว ตำนานสมเด็จพระพระราชามหาราช ยุทธหัตถี | ตำนานภาคที่ห้า
ภายหลังจากมีข่าวสารเลื่อนฉายอยู่หลายหน สุดท้าย ประชากรคนไทยก็จะได้ดูมหาภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ภาคที่ห้าหัวข้อนี้กันพลาดท่า แม้ว่าจะค่อนข้างจะห่างพอเหมาะพอควรจะภาคที่แล้ว แม้กระนั้นก็อาจไม่เกินกำลังจะเข้าเรื่องราวสำหรับชาวไทยอะไร ใช่มั้ยนะครับ? ผลงานการดูแลฯ โดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ภาคนี้บอกชื่อแบบไม่มีเลขภาคว่า ‘ตำนานสมเด็จพระกษัตริย์มหาราช ยุทธหัตถี’
เรื่องราวที่สม่ำเสมอมาจากภาคที่แล้ว ‘ยุทธกองทัพเรือ’ รวมทั้ง ‘ศึกนันทบุเรง’ เมื่อไอ้บุญทิ้งหรือพระราชมนู (นพชัย ชัยนาม) ถูกทำร้ายโคม่ารวมทั้งถูกขังเอาไว้ในค่ายของพวกหงสาวดี Vic3Bet ในเวลาที่พระพระราชาประกาศเอกราชที่เมืองแครง ซึ่งยังความรู้สึกไม่พึงพอใจมายังหงสาวดีก็เลยจัดกองทัพมาหมายเอาชัยแล้วก็หวังทำลายอโยธยาให้ราบเป็นหนังกลอง
เรื่องราวที่ขมวดปมเข้ามาทุกครั้งเพื่อจะก่อให้เกิดบทในที่สุด โน่นเป็น การที่สมเด็จพระกษัตริย์ (พันโท วันชนะ สวัสดี) รบบนข้างหลังช้างทำยุทธหัตถีกับมังสามเกียด (นภัสมือ มิตรเอม) ราชบุตรชายที่พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรงบากบั่นยิ่งที่จะตีอโยธยาศรีรามนครที่ท่านคิดว่าเป็นเพียงแค่เมืองกบฏให้แตกเป็นเสี่ยง ถึงขึ้นยกพลมาตั้งแคมป์ตั้งท่าจู่โจมอยู่เป็นนานก็ยังไม่บางทีอาจตีได้ ความพลั้งเผลอพลาดท่าต่อพระพระราชาแท้ๆที่ทำให้จำเป็นต้องใส่หน้ากากตลอดระยะเวลา แม้กระนั้นท้ายที่สุด ผู้ที่ออกมาตีอโยธยากลับเปลี่ยนเป็นบุตรของตน
ในความเป็นจริงแล้ว เล่าแบบงี้ไปก็ราวกับสปอยล์ครับ แม้กระนั้นถ้าเกิดมองดูกันด้วยความจริงใจเป็นกลางแล้ว มันเป็นประวัติศาสตร์ที่พวกเราพอเพียงจะเข้าใจโดยประมาณกันมาก่อนบ้าง หรือจะหากดูตัวอย่างก็จะพบว่า มันก็เล่าบอกพวกเรามาแล้วทั้งหมด “ยุทธหัตถี” ก็เลยไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ เรื่องทั้งหมดทุกอย่างถูกเล่าอย่างจัดตามลำดับเวลา ไม่สลับซับซ้อน ครึ่งแรกจะย้ำไปที่ดราม่ามากมายหน่อย ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงทางมาเน้นย้ำแอ็คชั่นในช่วงท้ายของหนัง
ถ้าเกิดจะมองกันเป็นส่วนๆในด้านของบทนั้นถือว่าไม่มีเชิงชั้นอะไรที่อยู่ในการเล่าเรื่อง ด้วยเพราะว่ามากันแบบไล่เรียงตามวันรวมทั้งเวลา มุ่งตรงสู่เหตุแผนการที่เป็นชื่อเป็นหลัก แม้กระนั้นถ้าเกิดจะมองในส่วนของสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์หรือ CG ยังคงไม่เนียนตาสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็ดีแล้วมากยิ่งกว่าเดิมแล้วถ้าหากเทียบกับแบบอย่างหนังตัวแรกๆที่ออกมา ในด้านของเครื่องมือประกอบฉากและก็เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวนั้น
แทบไม่ต้องตำหนิอะไรกันอีกแล้ว ทั้งยังพวกเราเองก็ไม่มีความรู้ในส่วนนี้ด้วยที่น่าดึงดูดหมายถึงฉากยุทธหัตถีทำออกมาได้มองน่าดึงดูด ลุ้นแล้วก็ตื่นเต้นดี ไม่มีฉากแถมในส่วนไหนของ Closing Credit อะไร และก็รู้สึกว่านี่คงจะเป็นภาคสุดท้ายแล้วสำหรับ “สมเด็จพระพระราชามหาราช” หนังที่ใช้เวลาการถ่ายทำรวมทั้งโลดแล่นอยู่บนหน้าจอยักษ์ออกจะนาน
รีวิว การเกิด หนังอีโรติกไทยที่ลงท้าย (เพียงแค่) ขายความ “เสว”
จุมภฏ ร่ำรวยเจริญก้าวหน้าทรัพย์สิน บางทีอาจไม่ใช่ชื่อที่เคยชินกับคนทั่วๆไปนักเนื่องจากนักธุรกิจผู้ครอบครองแบรนด์ “โก๋แก่ มันทุกเม็ด” ผู้นี้บางทีอาจมิได้ทำหนังเป็นอาชีพพอๆกับธุรกิจที่ทำให้ถั่วดินแล้วก็ถั่วอีกหลายประเภทติดอันดับแล้วก็เคยปากคนซื้อมากยิ่งกว่า แม้กระนั้นมั่นใจว่าคนชอบดูหนังไทยที่ติดตามบรรดาหนังอินดี้ หนังอิสระระยะหลังปี คริสต์ศักราช 2000 ที่ไม่คิดว่าจะมีคนใดกันกล้าสร้างออกมา
หนึ่งในผู้ส่งเสริมและสนับนุนหลักของหนังพวกนั้นก็คือโก๋ฟิล์มถ่ายรูป รวมทั้งการเป็นผู้สนับสนุนให้กับหนังต่างแดนสไตล์อินดี้โดยผู้แทนจำหน่ายอิสระอีด้วยตัวคุณจุมภฏเองเคยกระโดดลงมาทำหนังปริมาณยาวสำหรับฉายโรงแล้ว 1 เรื่องโน่นเป็น ‘Sur-Real’ ในปี พุทธศักราช 2557 ที่ตามกระแสภาพยนตร์ไทยออมนิบัส (Omnibus) เล่าแบ่งได้เป็น 3 หนังสั้นย่อยโดยมีความอุตสาหะเอ่ยถึงสังคมไทยที่มีความเซอร์เรียล จับจับใจความสำคัญเล็ก
หัวข้อน้อย หัวข้อการมีชู้ ผู้ขายรับรองรวมทั้ง LGBTQ มาเล่าแบบแหกกรอบแหวกขนบ แม้กระนั้นติดปัญหาเกี่ยวกับโปรดักชันที่ยังไม่ลงตัวนักมาถึง ‘การปรากฏ’ หรือในชื่อที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Resemblance’ ที่ครั้งนี้จุมภฏนำเรื่องสั้น 2 เรื่องอาทิเช่น “นอนใต้ละอองหนาว” ของ ปราบดา หยุ่น และก็ “สนไซเปรส” ของ จิรัฎฐ์ เป็นเยี่ยมทรัพย์สิน ซึ่งรายข้างหลังได้มาร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย
โดยเรื่องราวจะผูกโยงระหว่างสถานะการณ์แปลกที่มีเหล่าดารานางแบบล่องหนเข้าไปในป่าแบบไม่มีผู้ใดทราบมูลเหตุแล้วก็การปรากฎตัวของ บ็อบบี้ (อนันดา เอเวอริงหมูแฮม) ชายหนุ่มหล่อที่หมกมุ่นในกามารมณ์ที่ชอบหาเหยื่อเป็นดารานางแบบสาวดูดีมามีสโมสรทางเพศแล้วจบลงด้วยการที่หญิงสาวพวกนั้นเสพติดการเปลี่ยนคู่รักก่อนที่จะล่องหนเข้าไปในป่า king naresuan 5 full movie จนถึงทำให้ โจ (จินตัย อันติเตียนมานนท์)
นายตำรวจชายหนุ่มที่แฟนสาวของเขาล่องหนไปอย่างลึกลับจำเป็นต้องสืบเสาะหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเอาการโปรดักชันที่นับว่าเป็นจุดบอดในงานที่แล้ว จุมภฏมองตั้งอกตั้งใจกับงานภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภาพมองเป็นภาพยนตร์มากยิ่งกว่าวิดีโอราวกับผลงานก่อนรวมทั้งยังมีการโชว์วิชวลเอฟเฟกต์ต้นไม้ที่เป็น CG ล้วนๆออกมาได้น่าดึงดูด อีกอย่างเป็นการเลือกผู้แสดงอย่าง อนันดา เอเวอริงหมูแฮม มารับบทนำก็ถือเป็นการแสดงออกว่าโอกาสนี้จุมภฏมองมุ่งมั่นกับแนวทางการทำภาพยนตร์เยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างชัดเจน